ในโลกของธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การติดตามข้อมูล ความรู้ และเทรนด์ใหม่ๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ติดตามบทความที่คนทำ ‘ธุรกิจ’ ควรรู้ ได้ที่นี่เลย

ทำไมการค้ายุคใหม่ควรใช้ e-Tax Invoice: การค้ายุคใหม่จาก Commerce สู่ E-Commerce

ทำไมการค้ายุคใหม่ควรใช้ e-Tax Invoice: การค้ายุคใหม่จาก Commerce สู่ E-Commerce ในอดีต “การค้า” คือการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายในสถานที่จริง เช่น ตลาด ร้านค้า หรือศูนย์การค้า แต่ปัจจุบันด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต การค้ายุคใหม่ได้เปลี่ยนผ่านจาก Commerce สู่ E-Commerce หรือการค้าแบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการขาย แต่ยังเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งระบบ เช่นเดียวกันกับเอกสารสำคัญทางธุรกิจที่ได้เปลี่ยนจากรูปแบบ “กระดาษ” มาเป็นแบบ “อิเล็กทรอนิกส์” โดยไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษเลยด้วยซ้ำ หรือที่เรียกว่า e-Tax Invoice & e-Receipt  คอมเมิร์ซ (Commerce) คือ การซื้อขายสินค้าและบริการในรูปแบบดั้งเดิม มีช่องทางการขาย ผ่านหน้าร้าน ตลาด ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งมีความแตกต่างจาก อีคอมเมิร์ซ์ (E-Commerce) อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) คือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกรรมซื้อขาย การให้บริการ หรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นเป็นสื่อกลางในการซื้อ-ขายออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ หรือในการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ รวมถึงการติดต่อกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Commerce…

เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568

เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เช็ก ขั้นตอน เงื่อนไข สำหรับผู้ประกอบการ

เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เช็ก ขั้นตอน เงื่อนไข สำหรับผู้ประกอบการ หลังจากช่วงโควิด-19 หลายธุรกิจโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก และกิจกรรมท้องถิ่นต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก รัฐบาลจึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ หนึ่งในโครงการที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ออกเดินทาง พร้อมสนับสนุนร้านค้าผ่านการ “ช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง” สำหรับผู้ประกอบการแล้ว นี่คือโอกาสสำคัญในการ เพิ่มยอดขาย ดึงดูดลูกค้าใหม่ และฟื้นรายได้ในระยะสั้นถึงกลาง ซึ่งหากคุณยังไม่เข้าใจว่า “เที่ยวไทยคนละครึ่งคืออะไร?” หรือจะเข้าร่วมอย่างไร ใครลงทะเบียนได้บ้าง รวมถึงเอกสารที่ต้องเตรียมพร้อม บทความนี้รวบรวมคำตอบไว้ทั้งหมดแล้วค่ะ เที่ยวไทยคนละครึ่ง คืออะไร? “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” คือหนึ่งในโครงการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มุ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงโลว์ซีซั่น ช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยประชาชนลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 สามารถจองและชำระเงินค่าที่พักภายในเวลา 23.00 น. ของวันเดียวกัน โดยสามารถใช้สิทธิหลังจากการจองและชำระเงิน อย่างน้อย 3 วัน และเช็กเอาต์วันสุดท้ายของโครงการภายในวันที่ 31…

e-Document มีผลตามกฎหมายมั้ย ใช้ได้จริงหรือไม่

เปลี่ยนทุกเอกสารเป็น e-Document อย่างไรให้ใช้ได้จริง มีกฎหมายรองรับ

ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและแทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของชีวิตประจำวันของเรา ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่นิยมทำธุรกรรมทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนมาใช้ “ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ” เพื่อช่วยในการลดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆ …แต่ถ้าหากวันหนึ่งเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เช่น มีการปลอมแปลงเอกสาร หรือ เอกสารที่จัดทำและส่งทางออนไลน์ต้องกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ หลายท่านอาจจะกำลังสงสัยว่าแล้วจะสามารถนำเอกสารอิเล็กทรอนิกส์นี้ไปใช้ในชั้นศาลได้หรือไม่ หรือต้องเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบไหนถึงจะมีกฎหมายรองรับ? บทความนี้มีคำตอบให้ทุกท่านค่ะ สารบัญ ทำความรู้จักกับ ” เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ “ นำ ” เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ” ใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลได้หรือไม่ เปลี่ยนเอกสารให้เป็นดิจิทัลอย่างไรใช้ได้ได้จริง มีกฎหมายรองรับ อยากทำ e-Doc เลือกบริการการแปลงไฟล์เอกสารกระดาษเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) จาก EtaxEasy เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Document คืออะไร? เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ คือ การจัดเก็บข้อมูลเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้แทนเอกสารในรูปแบบกระดาษได้ ซึ่งสามารถรองรับเอกสารได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารทางธุรกิจ e-Tax Invoice & e-Receipt สัญญา ใบแจ้งหนี้ หรือรายงานต่างๆ ช่วยให้บริษัทสามารถจัดการเอกสารได้อย่างเป็นระบบ มีความปลอดภัย…

e-signature กับ digital signature

e-Signature กับ Digital Signature คืออะไร เกี่ยวข้องกันมั้ย มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ

e-Signature กับ Digital Signature คืออะไร เกี่ยวข้องกันมั้ย มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ ในอดีต เมื่อมีการทำธุรกรรมหรือสัญญาใด ๆ มักต้องพิมพ์เอกสารออกมาเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องลงนามบนกระดาษ แต่ในยุคที่การทำงานออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การใช้ e-Signature หรือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ก็กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาแทนที่ลายเซ็นแบบดั้งเดิม การลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ซึ่งมีผลตามกฎหมายมานานแล้ว ที่คุ้นเคยกันในปัจจุบัน คือ การที่ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าหรือคู่ค้าแบบไม่ต้องใช้กระดาษเลยหรือที่เรียกว่า e-Tax Invoice ซึ่งมีการยืนยันตัวตนโดยใช้การลงลายมือชื่อดิจิทัล ผู้ประกอบการหลายท่านอาจกำลังสงสัย เมื่อพูดถึงระหว่าง Electronic Signature กับ Digital Signature ตกลงแล้วคืออะไร? เป็นเรื่องเดียวกันมั้ย? และลายมือชื่อดิจิทัลมีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักให้มากขึ้นค่ะ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature หรือ e-Signature) คืออะไร? e-Signature หรือ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ คือการแสดงเจตนาลงนามในเอกสารผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่เซ็นชื่อบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่มีรูปแบบที่หลากหลายมากกว่านั้น เช่น การพิมพ์ชื่อ การคลิกยอมรับ หรือ…

ระบบ e-Tax : ทำไมธุรกิจค้าปลีกถึงควรเปลี่ยนมาใช้ระบบ e-Tax ในปี 2025?

ทำไมธุรกิจค้าปลีกต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบ e-Tax ในปี 2025 | ประโยชน์และข้อควรรู้

ปี 2025 เป็นปีที่ธุรกิจค้าปลีกทุกขนาดต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบภาษีของไทย โดยเฉพาะการใช้ ระบบ e-Tax เพื่อทดแทนเอกสารกระดาษแบบเดิม บทความนี้จะสรุปเหตุผลว่าทำไมคุณต้องรีบปรับตัว พร้อมข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม e-Tax คืออะไร? e-Tax คือ ระบบในการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ทดแทนการออกใบกำกับภาษีรูปแบบเดิมหรือรูปแบบกระดาษ โดยขั้นตอนการดำเนินการ เมื่อมีการขอใบกำกับภาษีจากผู้ประกอบการขายสินค้า ผู้ประกอบการจะคีย์ข้อมูลและพิมพ์เอกสารต้นฉบับและสำเนาลงกระดาษ จากนั้นก็จะส่งเอกสารไปยังผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อเก็บต้นฉบับไว้ ส่วนผู้ขายเก็บสำเนาจัดเก็บเข้าแฟ้ม และรักษาเอกสาร 5-10 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากธุรกิจนั้นจำเป็นต้องออกใบกำกับภาษีเป็นจำนวนมากก็ต้องเช่าคลังเพื่อเก็บเอกสาร และเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเอกสารเหล่านั้น แต่การออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ จะนำส่งเอกสารให้ลูกค้ารวมถึงส่งให้กับกรมสรรพากรในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล ตามมาตราฐานที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งการใช้ระบบ e-tax ต้องมีการยืนยันตัวตนของผู้ออกใบกำกับภาษีโดยลงลายมือชื่อดิจิทัล (digital signature) เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ ทำไมธุรกิจค้าปลีกต้องเปลี่ยนมาใช้ e-Tax ในปี 2025 1. ปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ เหตุผลประการแรกที่สำคัญที่สุด คือภายในปี 2571 กรมสรรพากรมีนโยบายสนับสนุนและผลักดันให้ทุกธุรกิจรวมทั้งธุรกิจค้าปลีกเข้าสู่ระบบ e-Tax โดยกรมสรรพากรได้ประกาศทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบดิจิทัล 100% (Digital Tax…

ธุรกิจโรงแรม ต้องเสียภาษีและค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง

ธุรกิจโรงแรม ต้องเสียภาษีและค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง ทุกคนเคยสงสัยไหมคะ ธุรกิจโรงแรม ต้องเสียภาษีและค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง? การดำเนินธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยต้องมีการชำระภาษีและค่าธรรมเนียมหลายประเภทซึ่งเป็นข้อกำหนดตามกฎหมาย ธุรกิจโรงแรมเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้บริการจำนวนมากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้มีภาระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องหลากหลายรายการ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและครอบคลุม บทความนี้จะแนะนำภาษีและค่าธรรมเนียมหลัก ๆ ที่ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยต้องชำระ มีดังนี้ค่ะ ธุรกิจโรงแรมเสียภาษีอะไรบ้าง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับธุรกิจโรงแรมขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินธุรกิจและประเภทของรายได้ที่ได้รับ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการโรงแรมจะต้องคำนวณภาษีจากรายได้ที่ได้รับหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะเป็นไปตามระดับรายได้ โดยมีการจัดเก็บในลักษณะของอัตราก้าวหน้า (progressive tax rates) ซึ่งหมายความว่ารายได้ที่สูงขึ้นจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น โดย ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (แบบ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91) ตามกำหนดเวลา โดยทั่วไปจะต้องยื่นภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ภาษีเงินได้นิติบุคคล ธุรกิจโรงแรมที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะคิดจากกำไรสุทธิที่เกิดจากการประกอบกิจการ โดยอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับธุรกิจโรงแรมทั่วไปจะอยู่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ (ตาม พ.ร.บ. ประมวลรัษฎากร) ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับธุรกิจโรงแรมมีรายละเอียดสำคัญ  ภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยมีอัตรา 20% ของกำไรสุทธิที่เกิดจากการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัทที่มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นภาษี กำไรสุทธิจะคำนวณจากรายได้รวมหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เช่น ค่าจ้างพนักงาน,…

ธุรกิจMulti-level Marketing (MLM) หรือ ธุรกิจขายตรง เสียภาษียังไง

ธุรกิจMulti-level Marketing (MLM) หรือ ธุรกิจขายตรง เสียภาษียังไง ธุรกิจ Multi-level Marketing (MLM) หรือ Direct Selling (ขายตรง)ในประเทศไทยต้องเสียภาษีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจทั่วไป เช่นเดียวกับธุรกิจประเภทอื่น ๆ โดยภาษีที่เกี่ยวข้องและวิธีการเสียภาษีมีดังนี้ เจ้าของธุรกิจประเภทนี้ต้องรู้เรื่องภาษีอะไรบ้าง 1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากธุรกิจมีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับทางสำนักงานกรมสรรพากร ธุรกิจ MLM หรือ Direct Selling ที่จดทะเบียน VAT จะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้าในอัตรา 7% ของราคาสินค้าหรือบริการ ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 (แบบยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทุกเดือน 2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) หากธุรกิจ MLM จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ (หลังจากหักค่าใช้จ่าย)…

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์

3 ประเภทภาษีหลักที่ผู้ประกอบการธุรกิจ Franchise ควรรู้ ถ้าต้องพูดถึงเรื่องธุรกิจแฟรนไชส์ ถือเป็นรูปแบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการนำแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาขยับขยายธุรกิจ แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการแฟรนไชส์มักสงสัยคือ ภาษี ที่ต้องเสีย มีอะไรบ้าง? และต้องเสียภาษีอย่างไร? เพื่อให้เข้าใจเรื่อง ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์ ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น สำหรับเจ้าของแฟรนไชส์ จะมีประเภทไหนบ้าง โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจแฟรนไชส์จะต้องเสียภาษีหลายประเภท ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายหลัก ได้แก่ ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแฟรนไชส์ 1. ฝ่ายเจ้าของแฟรนไชส์ (franchiser) คือ ภาษีเงินได้สำหรับเจ้าของแฟรนไชส์ซึ่งโดยเจ้าของแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) จะได้รับเงินค่าตอบแทนจากการให้สิทธิ์การใช้แบรนด์ ซึ่งถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล: หากเจ้าของแฟรนไชส์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรที่ได้จากการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ อาทิ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่ารอยัลตี้ เป็นต้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): หากมีรายได้รวมเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเรียกเก็บภาษีจากผู้ซื้อแฟรนไชส์ ภาษีอื่นๆ: อาจมีภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีป้าย เป็นต้น…

เรื่องภาษีที่ผู้ประกอบการร้านทองควรรู้

เรื่องภาษีที่ผู้ประกอบการร้านทองควรรู้ การประกอบธุรกิจร้านทองนั้นเกี่ยวข้องกับภาษีหลายประเภท ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านทองกันค่ะว่า ประเภทภาษีนั้นสำคัญอย่างไรและมีอะไรบ้าง ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านทอง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้จากการประกอบธุรกิจโดยผู้ประกอบการร้านทองจะต้องนำรายได้จากการขายทองรูปพรรณ ค่ากำเหน็จ ค่าหลอมทองเก่า มาคำนวณภาษีเงินได้ และ สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจได้ เช่น ค่าเช่า ค่าจ้าง ค่าซื้อทองคำ ฯลฯ อัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับฐานภาษีที่คำนวณได้ หากในกรณีหากผู้ประกอบการเป็นบุคคลธรรมดา จะต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรที่ได้จากการขายทองคำ โดยมีค่าใช้จ่ายที่สามารถนำไปหักลดหย่อนได้ตามที่กฎหมายกำหนด ภาษีเงินได้นิติบุคคล หากจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะต้องเสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิของกิจการกำไรสุทธิคำนวณจากรายได้ทั้งหมดหักด้วยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการตามที่กฎหมายกำหนดอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับระดับของกำไรสุทธิ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายทองคำหรือบริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อและผู้ประกอบการจะต้องนำส่งให้กรมสรรพากร สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับทองคำ เช่น การขายทองรูปพรรณใหม่ การหลอมทองเก่า จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น การเรียกเก็บ VATผู้ประกอบการร้านทองต้องเรียกเก็บ VAT จากผู้ซื้อในอัตรากำหนด สินค้าที่ต้องเสีย VATได้แก่ ทองรูปพรรณใหม่ ค่ากำเหน็จ ค่าหลอมทองเก่า ภาษีธุรกิจเฉพาะ หากในบางกรณี เช่น การรับจำนำ การให้กู้ยืมเงิน อาจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มเติมอัตราภาษีและเงื่อนไขการเสียภาษีจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ การรับจำนำในกรณีหากมีการประกอบธุรกิจรับจำนำ…

ผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆและเทคโนโลยีดิจิทัลเหล่านี้ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน นับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย สื่อโซเชียลมีเดียก็กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับทั้งบุคคลทั่วไปและธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องทางในการสื่อสารและแบ่งปันข้อมูลอีกต่อไป แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการกับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และช่วยให้การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตไปในทิศทางที่ยั่งยืนมั่นคงอีกด้วย บทบาทสำคัญของสื่อโซเชียลมีเดียต่อธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ช่องทางการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและสื่อโซเชียลมีเดียช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม แนะนำสินค้า หรือบริการ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า สร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ของธุรกิจสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำได้ผ่านการโพสต์เนื้อหาที่น่าสนใจ สร้างสรรค์ และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ในส่วนของสื่อโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการโปรโมตสินค้าและบริการ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค สื่อโซเชียลมีเดียมีเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างละเอียด ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถสร้างความแตกต่างและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งได้ “สื่อโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตและประสบความสำเร็จ ธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวางแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ” “แต่อย่าลืมนะคะว่าการประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะอยู่ในช่องทางไหนทุกๆธุรกิจที่มีเงินได้ทุกประเภทย่อมมีหน้าที่ในการรับภาระหน้าที่ในการเสียภาษีจำเป็นต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในทุกๆเดือน ตามกฎของกรมสรรพากรที่ได้กำหนดไว้ในเงินได้แต่ละเภทนั้นๆ” ธุรกิจออนไลน์จะต้องเสียภาษี 2 ประเภทหลัก คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นภาษีที่บุคคลธรรมดาต้องเสียจากเงินได้ทุกประเภท รวมถึงเงินได้จากการขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ด้วย โดยอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินได้ที่ได้รับในแต่ละปี ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากมีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการเกิน 1,800,000 บาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ของมูลค่าสินค้าหรือบริการ ระยะเวลาในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี คือ? ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป…