รัฐควรเก็บภาษี VAT จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่? พาส่องปัญหาธุรกิจ SMEs กับระบบภาษีไทย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากข่าวที่รัฐเตรียมเก็บภาษีจากธุรกิจรายย่อยที่มีรายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี เป็นประเด็นร้อนในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SME อย่างมากถึงความเหมาะสมของนโยบายที่ ‘รัฐควรเก็บภาษี VAT จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่?’ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ ธุรกิจที่มีรายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ถูกยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายมากขึ้น
” นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ เผยแนวทางเพิ่มรายได้รัฐ อาจมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% จากธุรกิจที่มีรายได้ 1.5 ล้านบาทต่อปี อาจเพิ่มเป็นแวตประเภทที่ 2 เหมือนกรณีในประเทศยุโรปทำ ซึ่งประเมินว่าจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้หากสามารถขยายฐานภาษีมูลค่าเพิ่มได้กว้างขึ้น นำคนเข้าระบบได้มากขึ้น จะทำให้รัฐบาลจัดทำงบฯ ขาดดุลต่ำลง จากปัจจุบันขาดดุลอยู่ที่ 4.4% ของ GDP อาจเหลือแค่ 3.5% ซึ่งการลดรายจ่ายของรัฐบาลทำได้ยาก จำเป็นต้องเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
โดยรัฐมองว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาทำธุรกิจมากขึ้น แต่มักจะยื่นแบบรายได้ของธุรกิจให้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อไม่ต้องเข้าเกณฑ์จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ” (ที่มา: prachachat)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม คืออะไร?
ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT (Value Added Tax) เป็นภาษีทางอ้อมที่จัดเก็บจากการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยผู้ขายจะเป็นผู้เรียกเก็บจากผู้ซื้อ แล้วนำส่งให้กับกรมสรรพากรในแต่ละเดือน ซึ่งประเทศไทยกำหนดให้ผู้ประกอบการที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แม้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม จะมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี และยังช่วยป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการออกเอกสารกำกับภาษีที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ แต่ข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับ SMEs ไทยในช่วงนี้คือ กรณีที่ รมว.คลัง เสนอแนวคิดในการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มกับ SMEs ที่รายได้น้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของรัฐที่จัดเก็บได้น้อยลง ซึ่งหลายเสียงจากผู้ประกอบการมองว่าเป็นนโยบายที่เพิ่มภาระมากกว่าประโยชน์
ภาระของธุรกิจขนาดเล็กเมื่อจด VAT
ธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นกิจการ หรือเจ้าของกิจการรายเดียว มักเผชิญความท้าทายหลายด้านเมื่อเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่:
1. ภาระเอกสารและการจัดการบัญชี
การยื่นแบบภาษี ภ.พ.30 ทุกเดือน การทำบัญชีแยก ภาษีซื้อ กับ ภาษีขาย รวมถึงการออกใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง ทำให้ SMEs ต้องจัดการเอกสารอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งบางรายไม่มีทีมบัญชีในองค์กร ทำให้ต้องจ้างสำนักงานบัญชีเพิ่มเติม
2. ต้นทุนแฝงในการบริหารจัดการ
นอกจากค่าใช้จ่ายเรื่องภาษีโดยตรงแล้ว ยังมีต้นทุนแฝงอื่น ๆ เช่น:
- ค่าบริการสำนักงานบัญชี
- ค่าซอฟต์แวร์บัญชี
- เวลาที่ต้องใช้ในการเรียนรู้ระบบภาษี
3. ความไม่เข้าใจในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
เจ้าของกิจการจำนวนมากยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการหักภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่รู้ว่าอะไรนำมาใช้เป็นภาษีซื้อได้ ส่งผลให้เกิดการคำนวณผิด และอาจนำไปสู่ค่าปรับหรือเบี้ยปรับในอนาคต
ทำไมรัฐถึงต้องการให้ SMEs จด VAT?
รัฐอยากดึงธุรกิจรายย่อยเข้าสู่ระบบภาษี แล้วสาเหตุที่ ‘ผู้ประกอบการรายย่อยไม่อยากเข้าสู่ระบบภาษี’ ล่ะ? คืออะไร? หากมองลึกลงไปที่สาเหตุจะพบว่าการเข้าสู่ระบบภาษีนั้น จะพบว่า การจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ใช้ต้นทุนในการปฏิบัติตามและภาระงานเอกสารจำนวนมาก SMEs มีทรัพยากรจำกัด แต่กลับใช้กฎเกณฑ์เดียวกันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดด้านราคาของสินค้า หากมีการเพิ่มราคาสินค้าแม้แต่ 1 บาท ก็อาจทำให้เสียเปรียบทางการแข่งขันได้เลย อีกทั้งการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม คือเข้าง่ายแต่ออกยาก จึงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ธุรกิจรายย่อย หรือ SMEs ไม่อยากเข้าสู่ระบบภาษี แม้ธุรกิจขนาดเล็กจะรู้สึกว่าการจดภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาระ แต่จากมุมมองของภาครัฐ การเก็บภาษีจากกลุ่มนี้มีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น:
1.ขยายฐานภาษี
เมื่อมีผู้ประกอบการเข้าระบบภาษีมากขึ้น รัฐก็สามารถกระจายภาระภาษีได้อย่างเป็นธรรม และไม่ต้องพึ่งพาผู้เสียภาษีรายใหญ่เพียงกลุ่มเดียว
2.ส่งเสริมความโปร่งใสทางธุรกิจ
การที่ธุรกิจเข้าระบบภาษีจะช่วยป้องกันปัญหาการเลี่ยงภาษี ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม
3.เชื่อมโยงสู่ระบบดิจิทัลและการบริหารยุคใหม่ ธุรกิจจะทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะสามารถใช้บริการ e-Tax Invoice & e-Receipt และการทำบัญชีดิจิทัลได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ
แล้วรัฐควรเก็บภาษี VAT จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่?
สุดท้ายนี้ย้อนกลับไปที่ประเด็นของบทความนี้ แน่นอนว่า การเพิ่มรายได้รัฐหรือดึงผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้นเป็นสิ่งที่สมควรทำ แต่ก็ต้องตั้งคำถามต่อไปว่า ‘นโยบายนี้มีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและโครงสร้างธุรกิจรายย่อยของไทยหรือไม่?’ ระบบภาษีไทยอาจยังไม่เอื้อต่อธุรกิจเล็ก เช่น SME ที่มีต้นทุนน้อย กำไรน้อย หรือยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น การผลักดันให้เข้าสู่ระบบภาษีโดยไม่ปรับปรุงสภาพแวดล้อมหรือสนับสนุนด้านอื่นให้พร้อม อาจกลายเป็นการสร้างภาระมากกว่าประโยชน์
แน่นอนว่านโยบายการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กต้องมีการพิจารณาอย่างรอบด้าน เพราะหากรัฐต้องการดึงผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษี สิ่งสำคัญที่ควรทำควบคู่คือ การให้ความรู้ภาษีแบบเข้าใจง่าย การลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และการสนับสนุนต้นทุนด้านเทคโนโลยี เช่น โปรแกรมบัญชีฟรี หรือบริการยื่นภาษีออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย สำหรับ SMEs แล้ว การเข้าสู่ระบบภาษีไม่ควรเป็น “ภาระ” แต่ควรเป็น “โอกาส” ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว หากรัฐสามารถสร้างระบบภาษีที่เป็นมิตรและยืดหยุ่นต่อธุรกิจขนาดเล็กได้มากขึ้น ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไทยเข้มแข็งขึ้นจากฐานราก
อีกหนึ่งประเด็นที่ควรพิจารณาคือ แรงจูงใจในการเข้าสู่ระบบภาษี หากรัฐต้องการให้ SMEs จดภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ควรมีมาตรการส่งเสริม เช่น การให้เครดิตภาษีในช่วงปีแรก การลดหย่อนภาษีบางรายการ หรือการให้สิทธิพิเศษในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรัฐ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความลังเลของผู้ประกอบการ และเปลี่ยนมุมมองจาก “การเสียภาษี” เป็น “การลงทุนเพื่ออนาคตธุรกิจ” นอกจากนี้ ควรมีแพลตฟอร์มกลางที่ SMEs สามารถขอคำปรึกษาเรื่องภาษีได้ฟรีแบบเรียลไทม์ เพราะความรู้และความเข้าใจคือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนให้ธุรกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่
นอกจากมาตรการด้านภาษีแล้ว การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจรายย่อย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่รัฐควรให้ความสำคัญ เช่น การลดขั้นตอนทางราชการในการจดทะเบียนธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งทุนขนาดเล็กที่มีดอกเบี้ยต่ำ และการสนับสนุนด้านการตลาดออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมมากขึ้นในการเข้าสู่ระบบภาษีอย่างมั่นใจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจที่แข็งแรงจากฐานราก โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การออกแบบนโยบายภาษีที่เหมาะสมจึงต้องคำนึงถึง “ศักยภาพที่แตกต่าง” ของธุรกิจขนาดเล็กในแต่ละประเภทด้วยเช่นกัน
อ้างอิงเนื้อหาข่าว: https://www.prachachat.net/finance/news-1805531
สามารถติดต่อ ปรึกษา และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
เบอร์โทร: 062-6265059
ไลน์: @etaxeasy
Facebook: EtaxEasy: โปรแกรมจัดทำใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์
Email: etaxeasy@topmte.com







