เอกสารที่ต้องส่งในระบบ etax invoice & e-receipt

เอกสารใดบ้างที่ต้องส่งในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt 1. ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ตามมาตรา 86/4 เเห่งประมวลรัษฎากร2.ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์อย่างย่อ (Abbreviated e-Tax Invoice) ตามมาตรา 86/6 เเห่งประมวลรัษฎากร3.ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ตามมาตรา 105 ทวิ เเห่งประมวลรัษฎากร4.ใบเพิ่มหนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Debit Note) ตามมาตรา 86/9 เเห่งประมวลรัษฎากร5.ใบลดหนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-Crebit Note) ตามมาตรา 86/10 เเห่งประมวลรัษฎากรโดยเอกสารอิเล็กทรอนิกส์นั้น ต้องลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) พร้อมดูแลตั้งแต่ขึ้นระบบ จนพบคำตอบที่ต้องการ

ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Certificate) ใช้งานยังไงนะ

Digital Certificate หรือใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ Digital Certificate หรือใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ในการพิสูจน์ตัวตนของหน่วยงานเเละบริษัท หรือเปรียบเสมือนบัตรประชาชนของบุคคลธรรมดานั่นเอง ใช้สำหรับการลงลายมือชื่อดิจิทัล(Digital Signature) บนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น บริษัทมีหลายสาขา ต้องซื้อ Digital Certificate เเยกตามสาขาไหมนะ โดยในกรณีที่บริษัทมีหลายสาขา ไม่จำเป็นต้องซื้อDigital Certificate เเยกตามสาขา สามารถใช้ใบรับรองใบเดียวกับทุกสาขาได้เลยค่ะ พร้อมดูแลตั้งแต่ขึ้นระบบ จนพบคำตอบที่ต้องการ

ช่องทางการนำส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (etax invoice)

ช่องทางการนำส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e tax invoice) ช่องทางการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ทางกรมสรรพากร ประกอบด้วย 3 ช่องทาง คือ เเบบWeb upload, เเบบ Service provider เเละเเบบ Host-to-Host โดยการเลือกใช้งานจะขึ้นอยู่กับซอฟต์เเวร์ระบบงานบัญชีที่คุณใช้งานอยู่ เเละการลงทุนของระบบ ซึ่งเเต่ละช่องทางมีค่าใช้จ่ายเเตกต่างกันจึงต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียด เพื่อให้เกิบความคุ้มค่ามากที่สุด เเละเหมาะสมต่อการใช้งาน การนำส่งแบบ Web Upload : สามารถจัดเตรียมข้อมูลในรูปแบบไฟล์ XML ที่มีขนาดไม่เกิน 2 MB พร้อมทั้งลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) โดยนำส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน RD Website การนำส่งเเบบ Service Provider : สามารถจัดเตรียมข้อมูลในรูปแบบไฟล์ XML หรือ Text พร้อมทั้งลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) โดยนำส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Service provider การนำส่งเเบบ Host-to-Host : สามารถจัดเตรียมข้อมูลในรูปแบบไฟล์ XML หรือ…

eTax คืออะไร? ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร?

etaxคืออะไร? ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร? โลกในยุคปัจจุบันก้าวสู่สังคมอิเล็กทรอนิกส์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีเข้ามาอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค เเละทางธุรกิจมากขึ้น การนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่เพียงเเต่ทำให้การทำงานสะดวกเเละรวดเร็วขึ้น เเต่ยังสามารถลดต้นทุนในการดำเนินกิจการได้อีกด้วย ไม่ใช่ภาคเอกชนเองที่ต้องปรับตัว ทางภาครัฐก็ส่งเสริมเเละมีนโยบายในการผลักดันให้เป็นระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy) เเละเข้าสู่ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร รวมทั้งทางกรมสรรพากร ได้พัฒนา ระบบใบกำกับภาษีเเละใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) เพื่อรองรับการจัดทำ จัดส่ง เเละจัดเก็บใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เเละใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ให้เหมาะสม สะดวกกับผู้ประกอบการ รวมทั้งลดปัญหาเอกสารสูญหาย หาเอกสารไม่เจอ เเละยังลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย ความต่างระหว่างใบกำกับภาษีเเบบกระดาษ vs. ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารใดบ้างที่ต้องส่งในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt 1.ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ตามมาตรา 86/4 เเห่งประมวลรัษฎากร 2.ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์อย่างย่อ (Abbreviated e-Tax Invoice) ตามมาตรา 86/6 เเห่งประมวลรัษฎากร 3.ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ตามมาตรา 105…

เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มทำ e-Tax Invoice

เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มทำ e-Tax Invoice 1.ศึกษากฎระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย  (1) พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 (2) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 15) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำ ส่งมอบและเก็บรักษาใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (3) ข้อเสนอแนะมาตรฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่จำเป็นต่อธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าด้วยข้อความอิเล็กทรอนิกส์สาหรับการซื้อขายสินค้าและบริการ (ขมธอ.3-2560) (4)ข้อเสนอแนะมาตรฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่จำเป็นต่อธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ว่าด้วยการใช้ข้อความ XML สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงาน (ขมธอ.14-2560) และศึกษาวิธีการจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ 2.เตรียมพร้อมระบบงานของกิจการในการจัดทำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามรูปแบบที่เหมาะสม 3.จัดเตรียมใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ กรณีจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ โดยการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) 4.ขออนุมัติกรมสรรพากร ความเเตกต่างระหว่าง ระบบ e-Tax Invoice by Email เเละ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ผู้ประกอบการสามารถเลือกจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ 2 วิธี 1.ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt…

ใบกำกับภาษีแบบเดิม vs. ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์

ใบกำกับภาษีเเบบเดิม vs.ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เเบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน สวัสดีค่ะ ท่านเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการยุคใหม่เเละนักบัญชีทุกท่าน วันนี้ทางเพจจะมาไขข้อสงสัย ว่าใบกำกับภาษีเเบบเดิมต่างกับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์อย่างไร เเละใบกำกับภาษีแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ พร้อมเเล้วไปอ่านกันเลยยย ใบกำกับภาษีเเบบเดิม (Tax invoice) : เป็นเอกสารสำคัญที่ทางผู้ขายออกให้กับผู้ใช้บริการทุกครั้งที่ขายสินค้าหรือบริการ เพื่อเเสดงข้อมูลมูลค่าสินค้าหรือบริการและ Vat ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของกระดาษ ทำให้มีเอกสารจำนวนมากเเละต้องมีพื้นที่ในการจัดเก็บเอกสารเหล่านั้น เเละอาจพบปัญหาเรื่องการค้นหาเอกสารได้ยากอีกด้วย ใบกำกับภาษีเเบบเดิมนั้นค่อนข้างมีราคาสูง เพราะต้องทำการพิมพ์หมึกลงบนกระดาษเเละต้องใช้บุคลากรหลายตำเเหน่งในการดำเนินงานทั้งกระบวนการ รวมทั้งอาจเกิด Human Error หรือข้อผิดพลาดในการจัดส่งได้ค่ะ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) : รูปแบบการทำงานเหมือนใบกำกับภาษีเเบบเดิม เเต่อยู่ในรูปแบบของไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถนำส่งลูกค้าเเละทางกรมสรรพากรได้ทางอินเทอร์เน็ตได้เลยค่ะ รวมทั้งลดพื้นที่ในการจัดเก็บ ทำงานได้ง่ายเเละสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ลดการใช้กระดาษ รวมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกรมสรรพากรอีกด้วย ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ยังเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สามารถตรวจสอบการเเก้ไขได้อย่างเเม่นยำ เพราะมีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์(Digital Signature) ทุกครั้ง เพิ่มเกราะป้องกันการกระทำที่ไม่พึงประสงค์หรือการทุจริตได้อีกด้วยค่ะ ป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าเเก้ไขทีหลังนะคะ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การเลือกใช้แบบใบกำกับภาษีที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก บริษัทควรเลือกใช้ใบกำกับภาษีรูปแบบที่เหมาะสมกับการทำงานของในองค์กร เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทค่ะ พร้อมดูแลตั้งแต่ขึ้นระบบ จนพบคำตอบที่ต้องการ

ภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม

ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีต่างๆต้องเป็นรับเป็นภาระภาษีไว้ทั้งหมด ไม่สามารถผลักภาระให้กับผู้อื่นได้เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้าย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นภาษีทางตรงซึ่งที่จัดเก็บตามบท บัญญัติประมวลกฎหมายรัษฎากร จัดเก็บจากเงินได้ทุกประเภท ตามหลักเกณฑ์เงินสด หากเงินได้ประเภทใดที่ได้รับ การยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีนั้น จะต้องบัญญัติไว้โดยกฎหมายว่าเงินได้ประเภทนั้นได้รับการยกเว้น หน่วยงานรัฐบาลที่มีหน้า ที่จัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ กรมสรรพากร ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไป หรือจากหน่วยภาษีที่มีลักษณะพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดและ มีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยปกติ จัดเก็บเป็นรายปี รายได้ที่เกิดขึ้นในปีใดๆ ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไป แสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษี ภาษีทางอ้อม คือ เป็นภาษีที่ถูกเรียกเก็บจากสินค้าและบริการก่อนที่จะไปถึงลูกค้า ซึ่งเป็นการชำระภาษีทางอ้อมในที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของราคาตลาดของสินค้าและบริการที่ได้ทำการซื้อขายภาษีที่จัดเก็บจากผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้นำเข้าสินค้า โดยผู้มีหน้าเสียภาษีสามารถผลักภาระภาษีไปยังผู้บริโภคได้ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ แวต (VAT) คือเจ้า Vat 7% ที่อยู่ในค่าสินค้า หรือบริการต่างๆ นั่นเอง ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีที่จะเรียกเก็บจากฐานบริโภคทั่วไปภายในประเทศ ที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นพิเศษแยกต่างหากจากภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ธุรกิจประกันชีวิต,กิจการโรงรับจำนำ อากรแสตมป์…

บุคคลธรรมดา กับ นิติบุคคล แบบไหนดีกว่า

การเข้าเป็นผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ ถึงระบบธุรกิจแบบ “บุคคลธรรมดา” หรือ “นิติบุคคล” เพราะ 2 รูปแบบนี้มีความต่างกันทั้งในเรื่องข้อดี ข้อเสีย แต่ในรูปแบบธุรกิจอาจส่งผลในการวางแผนภาษี และในการจัดการบัญชีของกิจการในอนาคต เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกรูปแบบของธุรกิจให้เหมาะสมกับ กิจการของตนเองได้ ว่า ธุรกิจรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเป็นอย่างไร ต่างกันอย่างไรแล้วแบบไหนดีกว่า 1. การดำเนินกิจการในรูปแบบบุคคลธรรมดา ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปกิจการขนาดเล็กที่มีเจ้าของคนเดียว จะมีการบริหารจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ในกรณีที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปจะ มีการตกลงกันเพื่อทำธุรกิจ โดยมีการแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันแต่จะไม่ได้มีการจดบริษัท หุ้นส่วนทุกคนต้องมีการเสียภาษี แบบบุคคลธรรมดากฎหมายกำหนดให้ ผู้จ่ายทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินได้ที่จ่ายบางส่วน เพื่อให้มีการทยอยชำระภาษี ขณะที่มีเงินได้เกิดขึ้นอีกด้วย และควรจดทะเบียนพาณิชย์ เพื่อบอกให้คนทั่วไปทราบว่า คุณทำธุรกิจแบบถูกต้องเปิดเผย มีสถานที่ตั้งประกอบกิจการชัดเจน ข้อดีของการดำเนินธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา มีความคล่องตัวสูง เนื่องจากสามารถคิดและตัดสินใจได้คนเดียว ไม่ต้องรอความคิดเห็นจากผู้ถือหุ้น รับกำไรแต่เพียงผู้เดียว จัดตั้งง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไม่ต้องจัดทำบัญชี ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดการด้านเอกสาร ข้อเสียของการดำเนินธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา ข้อเสียของการดำเนินธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา มีเงินลงทุนเท่าที่เจ้าของกิจการลงไป การระดมทุนเป็นไปได้ยาก เนื่องจากขาดความน่าเชื่อถือ อาจถูกมองว่าไม่มีความมั่นคงทั้งด้านการเงิน และการบริหาร การเสียภาษีจะเป็นลักษณะเหมาจ่าย แม้ว่าปีนั้นผลประกอบการจะขาดทุน หากแต่ไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักได้…

ภาษีในการประกอบธุรกิจ

เรื่องภาษีเป็นเรื่องปวดหัวภาษีนั้นก็มีหลายประเภทซะเหลือเกิน แล้วเราจะต้องรู้ภาษีอะไรบ้างในการเริ่มต้นธุรกิจ ภาษีในการประกอบธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของกิจการต้องเข้าใจและปฏิบัติตามเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในประเทศไทย ภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจมีหลายประเภท เช่น 1.ภาษีทางตรง ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่ภาครัฐจัดเก็บจากรายได้และทรัพย์สินต่างๆของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลโดยไม่สามารถผลักภาระภาษีไปยังผู้อื่นได้ ภาษีทางตรงเป็นภาษีที่ผู้มีรายได้หรือเป็นเจ้าของทรัพย์สินต้องเสียเองโดยตรง ไม่สามารถผลักภาระภาษีไปให้บุคคลอื่น เช่น ลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ ต่างจากภาษีทางอ้อมที่สามารถผลักภาระให้กับผู้อื่นได้ (เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม) 2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax – CIT) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนคิดอัตราภาษีตามกำไรสุทธิของธุรกิจ (ปกติ 20% แต่มีอัตราพิเศษสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากเงินได้ของนิติบุคคล ได้แก่ เงินได้ประเภทกำไรสุทธิ ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย หรือ การจำหน่ายเงินกำไรจากประเทศไทย 3.ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (Withholding tax) ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คือ จะหัก ณ ที่จ่าย ถ้ามีการจ่ายเงินเกิดขึ้น คนที่จ่ายเงินที่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท หรือนิติบุคคล หัก ไว้ก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับคนรับ ที่เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดาก็ได้ เพื่อนำส่งสรรพากร และเมื่อได้ทำการหักถาษี…

ภาษีไม่จ่ายได้ไหม

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นอกจากจะกำหนดสิทธิต่างๆ ที่ประชาชนพึงมีไว้แล้ว ยังได้กำหนดหน้าที่ของประชาชน ที่จะต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติซึ่งกฎหมายที่ใช้เป็นข้อกำหนดในการเรียกเก็บภาษี คือ ประมวลกฎหมายรัษฎากร ภาษี หมายถึง เงินที่เก็บจากประชาชน เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศพื่อนำมาใช้บริหารและพัฒนาประเทศให้ เจริญก้าวหน้าทั้งทางเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม การประชาสงเคราะห์ การป้องกันประเทศและรักษา ความสงบภายในประเทศ สร้างสาธารณูปโภค รวมไปถึงเงินเดือนของราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้ทำหน้าที่ให้บริการประชาชน โดยภาษีจะแบบออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่เก็บจากบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากกการประกอบอาชีพ โดยมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี ภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่ได้จากกการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการต่างๆ ของประชาชนหรือที่เรารู้จักกันว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” นั้นเอง “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” กับ “ภาษีเงินได้นิติบุคคล” จัดอยู่ในรูปแบบของ #ภาษีทางตรง โดยภาษีทั้งสองประเภทนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั่วไปและผู้ที่คิดจะเริ่มทำธุรกิจใหม่ควรทราบ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีจะจัดเก็บจากประชาชนผู้มีเงินได้ทั่วไป ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยปรกติจะจัดเก็บเป็นปี ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่ กำหนดภายในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป ภาษีเงินได้นิติบุคคล คือ ภาษีที่จัดเก็บได้จากเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในส่วนรูปแบบ…