อยากทำธุรกิจ ภาษีที่เจ้าของกิจการควรรู้ มีอะไรบ้าง?
เมื่อพูดถึงเรื่องภาษี สำหรับกิจการที่กำลังได้จดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลหรือจดทะเบียนบริษัทได้ไม่นาน และเริ่มมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาจจะกังวลว่าต้องเสียภาษีแล้วหรือยัง และต้องเสียภาษีอะไรบ้าง บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ ภาษีบริษัท ที่กิจการการต้องรู้จะมีภาษีอะไรบ้าง ติดตามได้ที่บทความนี้เลยค่ะ
ประเภทของ ภาษีที่บริษัทต้องรู้ มีอะไรบ้าง?
การทำธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขายหรือกำไรเท่านั้น แต่ “ภาษีบริษัท” ก็เป็นอีกเรื่องที่กิจการควรรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง เช่น การถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลังจากกรมสรรพากร หรือการถูกปรับเบี้ยปรับที่ไม่จำเป็น ประเภทของภาษีบริษัทที่กิจการควรรู้ มีดังนี้
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (แบบ ภ.ง.ด. 51)
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (แบบ ภ.ง.ด. 50)
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ (กรณีเฉพาะกิจการ)
ภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (แบบ ภ.ง.ด.50)
ภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี หรือ ภ.ง.ด.50 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี ซึ่งภาษีที่ต้องเสียนั้นมาจากการกำไรทางภาษี (รายได้หักค่าใช้จ่าย) การยื่นแบบประจำปี หรือ ภ.ง.ด. 50 ต้องยื่นภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
แบบ ภ.ง.ด.50: https://www.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/cit/CIT50_2556_100357.pdf
ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (แบบ ภ.ง.ด.51)
ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.51 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี หรือรอบ 6 เดือน และต้องยื่นภายใน 2 เดือน นับจากวันสุดท้ายของครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี
หมายเหตุ : นิติบุคคลที่เพิ่งจดทะเบียนบริษัท ปีแรกจะยังได้รับยกเว้น ไม่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51
แบบ ภ.ง.ด.51: https://www.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/cit/2564/230664CIT51.pdf
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (แบบ ภ.ง.ด.53)
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นการจัดเก็บภาษีล่วงหน้ากำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษีจากเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับทุกครั้งที่จ่าย ซึ่งการหักภาษีต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด หลังจากนั้นให้นำเงินส่งกรมสรรพากร
แบบ ภ.ง.ด. 53: https://www.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/withhold/WHT53_041060.pdf
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% ถือเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากค่าสินค้าและบริการในแต่ละขั้นตอนการผลิตและจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ทั้งที่ผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยกิจการต้องนำส่งรายงานต่าง ๆ แก่สรรพากรภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
รายงานที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
รายงานภาษีซื้อ คือ เอกสารบันทึกจำนวนภาษีซื้อของกิจการที่ถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่นเรียกเก็บในแต่ละเดือนภาษีภาษีซื้อเกิดขึ้นในเดือนใดก็เป็นภาษีซื้อของเดือนนั้น
รายงานภาษีขาย คือ เอกสารบันทึกจำนวนภาษีขายของกิจการที่เรียกเก็บจากลูกค้าในแต่ละเดือนภาษี ภาษีขายที่เกิดขึ้นในเดือนใดก็เป็นภาษีขายของเดือนนั้น
รายงาน ภพ. 30 คือเอกสารสรุปภาษีซื้อ-ภาษีขาย ที่เจ้าของธุรกิจต้องเอาไว้ใช้ยื่นแสดงภาษีมูลค่าเพิ่มแก่กรมสรรพากรทุกเดือน ไม่ว่าจะมีรายการซื้อขายหรือไม่
แบบ ภ.พ. 30: https://www.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/vat/pp30_300160.pdf
การเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice สำหรับผู้ประกอบการที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ในการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ แทนรูปแบบกระดาษ เป็นอีกรูปแบบการจัดการเอกสารที่มีประสิทธิภาพอย่างมากสำหรับองค์กร ซึ่งเป็นความจำเป็นที่ธุรกิจต้องเรียนรู้และเข้าสู่ระบบ (อ่านเพิ่มเติม: e-Tax invoice คืออะไร?)
ภาษีธุรกิจเฉพาะ (กรณีเฉพาะกิจการ)
ภาษีธุรกิจเฉพาะ หมายถึง ภาษีที่เก็บจากกิจการบางประเภท ตามที่กฎหมายกำหนดเป็นพิเศษ โดยเป็นภาษีที่ถูกแยกออกมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ที่มีหน้าที่จ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องทำการยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ ภายในวันที่ 30 นับตั้งแต่วันที่เริ่มกิจการ ด้วยการยื่นแบบคำขอ ภ.ธ.01
กิจการหรือธุรกิจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ มีอะไรบ้าง?
- กิจการธนาคาร
- ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
- ธุรกิจประกันชีวิต
- กิจการโรงรับจำนำ
- การประกอบการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ อาทิ การให้กู้ยืมเงินค้ำประกัน การแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ
- การขายอสังหาริมทรัพย์ ที่นับเป็นการค้าหรือการหากำไร
- การซื้อ-ขายคืนหลักทรัพย์
- ธุรกิจอื่น ๆ ที่กำหนด อาทิ ธุรกิจแฟ็กเตอริง (Factoring)
แบบ ภ.ธ.01: https://www.rd.go.th/fileadmin/tax_pdf/spec/pt01_140156.pdf

4 ข้อควรรู้และควรระวังที่เจ้าของกิจการไม่ควรมองข้าม
การยื่นภาษี เป็นหน้าที่ของทุกกิจการที่ต้องทำในทุกปี แต่ในความเป็นจริง หลายธุรกิจยังพลาดในบางรายละเอียดที่สำคัญ เช่น การยื่นภาษีล่าช้า ไม่ตรงเวลา หรือ แม้แต่การจัดเก็บเอกสารไม่เป็นระบบทำให้เอกสารตกหล่นและไม่ครบ ซึ่งการขาดความเข้าใจหรือไม่ระมัดระวังในการยื่นภาษีนี้อาจนำไปสู่ปัญหาในภายหลังได้ เช่น การถูกตรวจสอบย้อนหลัง และการเสียเบี้ยปรับ บทความนี้จึงแนะนำ 4 ข้อควรรู้และควรระวังที่เจ้าของกิจการไม่ควรมองข้าม ก่อนถึงกำหนดยื่นภาษีแต่ละประเภทค่ะ
1. ยื่นแบบภาษีให้ตรงเวลาเพื่อไม่ให้เสียเบี้ยปรับ
การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50, ภ.ง.ด. 51, ภ.พ.30 หรือ ภ.ง.ด. 3/53 ล้วนมี กำหนดเวลาชัดเจน หากยื่นล่าช้าหรือไม่ยื่นเลย อาจถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลังและต้องเสียทั้ง ค่าปรับและเงินเพิ่ม ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรเสียโดยใช่เหตุ
ตัวอย่างกำหนดที่ควรรู้:
- ภ.ง.ด. 50 (สิ้นปี): ยื่นภายใน 150 วันหลังปิดงบ
- ภ.ง.ด. 51 (ครึ่งปี): ยื่นภายใน 2 เดือนหลังผ่านครึ่งรอบบัญชี
- ภ.พ.30 (VAT): ยื่นทุกเดือน ภายในวันที่ 15
หรือสามารถตรวจสอบปฏิทินภาษีอากรได้ที่ : https://www.rd.go.th/62348.html
2. จัดเตรียมเอกสารให้ครบและเป็นระบบ
การจัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับรายรับ รายจ่าย ใบกำกับภาษี เอกสารหัก ณ ที่จ่าย และงบการเงินอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้การคำนวณภาษีและการยื่นแบบเป็นไปอย่างถูกต้อง ช่วยลดโอกาสในการถูกกรมสรรพากรตรวจสอบ
การใช้ระบบ e-Tax Invoice ในการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการจัดการเอกสารที่มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการสูญหายของเอกสาร กิจการที่เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มควรใช้ระบบ e-Tax Invoice โดยเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับธุรกิจท่าน
3. วางแผนภาษีล่วงหน้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
การวางแผนภาษีอย่างรอบคอบ เช่น การเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา หรือ แบบตามจริง การวางโครงสร้างเงินเดือนผู้บริหาร หรือการใช้สิทธิลดหย่อนและยกเว้นต่าง ๆ จะช่วยให้ธุรกิจจ่ายภาษีอย่างถูกต้องและไม่เสียภาษีเกินความจำเป็น
4. ติดตามข่าวสารและประกาศใหม่จากกรมสรรพากร
กฎหมายภาษีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น การปรับอัตราภาษี การเปลี่ยนแบบฟอร์ม การออกมาตรการลดหย่อนพิเศษ ฯลฯ เจ้าของกิจการควรอัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อไม่พลาดสิทธิประโยชน์และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการยื่นแบบ
อ้างอิงข้อมูล:
สามารถติดต่อ ปรึกษา และสอบถามรายละเอียด
เกี่ยวกับการจัดทำระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt เพิ่มเติมได้ที่:
เบอร์โทร: 062-6265059
ไลน์: @etaxeasy
Facebook: EtaxEasy: โปรแกรมจัดทำใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์
Email: etaxeasy@topmte.com
1 Comment