e-Tax กับธุรกิจโรงแรม: 3 เหตุผลที่ควรเข้าระบบ e-Tax ภายในปลายปี 2568 นี้

ในยุคที่ภาคธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ต้องเผชิญกับความกดดันรอบด้าน ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง การลงทุนที่ลดลง อีกทั้งปัจจัยภายนอก เช่น นักท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ รัฐบาลจึงพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ปี 2568, เที่ยวเมืองรองหักลดหย่อนภาษีปี 2567 และ มาตรการ ช้อปดีมีคืน ปี 2566 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมและใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของมาตรการเหล่านี้คือ ธุรกิจที่เข้าร่วมจำเป็นต้องใช้ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt

สำหรับ ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาพรวม การปรับตัวเข้าสู่ระบบ e-Tax จึงไม่ใช่แค่ทำเพื่อตอบรับมาตราการในระยะเวลาสั้นๆ แต่เป็นการสร้างโอกาสและความได้เปรียบทางธุรกิจในยุคดิจิทัล เพราะรัฐบาลเองมีเป้าหมายผลักดันให้ประชาชนและผู้ประกอบการทุกภาคส่วน “เข้าสู่ระบบภาษี” อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีอย่างทั่วถึง (เช่นแนวคิด Negative Income Tax) หรือการยกระดับระบบภาษีไปสู่ดิจิทัลทั้งหมด

ดังนั้น โรงแรมที่รีบปรับตัวและเข้าร่วมระบบ e-Tax ก่อน ย่อมก้าวทันนโยบายรัฐ ลดความเสี่ยง และประหยัดต้นทุนธุรกิจในระยะยาว ได้เปรียบกว่าธุรกิจที่ไม่เข้าร่วม e-Tax แน่นอน!!

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น นี่คือ 3 เหตุผลสำคัญ ที่ธุรกิจโรงแรมควรเปลี่ยนมาใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ภายในสิ้นปี 2568 นี้ :

1. ลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มกำไรระยะยาว
2. ลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมภาพลักษณ์
3. สิทธิประโยชน์ทางภาษีทางธุรกิจเมื่อใช้ระบบ e-Tax

1. ลดต้นทุนการดำเนินงาน และ เพิ่มกำไรระยะยาว

การใช้ระบบ e-Tax จะช่วยลดต้นทุนด้านเอกสารและการจัดการลงอย่างมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจโรงแรมที่มีการออกใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จ และใบกำกับภาษีจำนวนมากเป็นประจำทุกวัน ตัวอย่างเช่น:

ลดต้นทุนแฝง ค่าใช้จ่ายด้านเอกสารสิ้นเปลือง ไม่ต้องใช้กระดาษ หมึก และเครื่องพิมพ์ในปริมาณมากเหมือนแต่ก่อน
ลดค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์ ลดปริมาณการพิมพ์ใบกำกับภาษีและใบเสร็จหลายร้อยใบต่อเดือนลงได้
ลดค่าขนส่งและพื้นที่จัดเก็บ ไม่ต้องส่งเอกสารทางไปรษณีย์หรือให้พนักงานส่งเอกสารให้ลูกค้า ลดค่าส่งเอกสารและลดความยุ่งยากในการจัดส่ง อีกทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสารกระดาษและประหยัดพื้นที่คลังเก็บเอกสารลงอย่างมาก

ต้นทุนที่ลดลงเหล่านี้หมายถึงกำไรสุทธิของกิจการที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว ด้วยเหตุนี้องค์กรหลายแห่งจึงมองว่าการลงทุนเปลี่ยนมาสู่ระบบ e-Tax เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งคืนทุนได้ผ่านการประหยัดรายจ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินงาน

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี เพื่อจูงใจให้ธุรกิจหันมาใช้ e-Tax โดยตรง เช่น โครงการที่อนุญาตให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หักค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบ e-Tax ได้ 2 เท่า) ของรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568

2. ลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมภาพลักษณ์

การใช้ระบบ e-Tax ส่งผลดีรอบด้านต่อการดำเนินงานของโรงแรม นอกเหนือจากเรื่องต้นทุนยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อย่างชัดเจน ดังนี้:

ลดข้อผิดพลาดและงานเอกสารซ้ำซ้อน: ระบบ e-Tax ช่วยลดภาระงานเอกสารที่ต้องทำด้วยมือ ไม่ต้องคีย์ข้อมูลซ้ำหลายรอบ ลดเวลาในการค้นหาใบกำกับภาษีย้อนหลัง เพราะข้อมูลถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบและค้นหาได้ง่าย นอกจากนี้ระบบยังช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งให้ลูกค้าและกรมสรรพากร ลดโอกาสความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล และลดความเสี่ยงที่เอกสารจะสูญหายหรือถูกปลอมแปลง
ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อกับระบบเดิมได้: ปัจจุบันมีผู้ให้บริการระบบ e-Tax Invoice มากมายที่สามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์บัญชีหรือระบบ ERP ที่โรงแรมใช้อยู่ได้ทันที ทำให้ฝ่ายบัญชีหรือการเงินสามารถใช้งานได้สะดวก ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ระบบรองรับทั้งบริษัทขนาดใหญ่และธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก จึงสามารถปรับใช้ได้กับทุกขนาดกิจการ
นอกจากประโยชน์ในการปฏิบัติงานภายในแล้ว การเข้าระบบ e-Tax ยังช่วยลดความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ธุรกิจโรงแรมของท่าน ในสายตาของลูกค้าและคู่ค้า อีกด้วย โรงแรมที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้า จะได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นว่าเป็นธุรกิจที่ดำเนินงานอย่างโปร่งใสและทันสมัย โรงแรมที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสทางธุรกิจให้คู่แข่ง ทั้งด้านความรวดเร็วในการทำบัญชีและภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือในยุคที่ทุกอุตสาหกรรมมุ่งหน้าสู่ดิจิทัล

ยิ่งไปกว่านั้น แนวนโยบายของภาครัฐในอนาคตชัดเจนว่าจะมุ่งสู่ “การจัดเก็บภาษีและการดำเนินธุรกรรมทางภาษีแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ” หน่วยงานอย่างกรมสรรพากรเองได้ขานรับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลมาตั้งแต่ยุค Thailand 4.0 โดยเริ่มใช้งานระบบ e-Tax Invoice อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2560 เพื่อส่งเสริมการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพทั้งภาครัฐและเอกชน เห็นได้จากการออกนโยบายส่งเสริมต่าง ๆ เช่น Easy e-Receipt และมาตรการเที่ยวเมืองรอง ฯลฯ ที่ผูกกับการใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์

กล่าวคือ ทิศทางในอนาคต ทุกภาคธุรกิจและทุกคนจะต้องอยู่ในระบบภาษีดิจิทัล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่โรงแรมของคุณปรับตัวมาใช้ e-Tax ตั้งแต่วันนี้เท่ากับเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ลดความเสี่ยงหรือ เสียโอกาสเพราะปรับตัวไม่ทันในภายหลัง

3. สิทธิประโยชน์ทางภาษีทางธุรกิจเมื่อใช้ระบบ e-Tax

ดังที่กล่าวมาข้างต้น รัฐบาลได้ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม กับผู้ที่ใช้ e-Tax Invoice & e-Receipt ทั้งสิ้น การเข้าระบบ e-Tax จึงทำให้ธุรกิจโรงแรมของคุณสามารถเข้าร่วมมาตรการเหล่านี้ได้เต็มที่ ไม่เสียโอกาสรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ออกมาในแต่ละปี โดยสรุปมาตรการสำคัญล่าสุดมีดังนี้:

ลงทุนระบบ e-Tax ลดหย่อนภาษี 2 เท่า: บริษัทหรือกิจการโรงแรมที่ลงทุนพัฒนาระบบออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ สามารถหักรายจ่ายจากการลงทุนดังกล่าวได้เป็นสองเท่า (200%) เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรการสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผลถึง 31 ธ.ค. 2568
ช้อปดีมีคืน 2566: มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลที่ซื้อสินค้า/บริการในประเทศช่วงต้นปี 2566 ซึ่งกำหนดให้การซื้อที่มี ใบกำกับภาษี e-Tax สามารถลดหย่อนภาษีได้เพิ่มอีก 10,000 บาท (จากเพดานปกติ 30,000 บาทสำหรับใบเสร็จแบบกระดาษ) ส
มาตรการ Easy e-Receipt 2567 – 2568: รัฐบาลสานต่อมาตรการช้อปดีมีคืนด้วย “Easy e-Receipt” ในปี 2567 และ 2568 ซึ่งให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 50,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้า/บริการที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ โดยในปี 2568 มีการปรับเงื่อนไขเป็นสามารถลดหย่อนจากค่าใช้จ่ายทั่วไปได้ไม่เกิน 30,000 บาท และเพิ่มอีก 20,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายกับร้านค้าท้องถิ่นหรือชุมชน
เที่ยวเมืองรอง 2567 ลดหย่อนภาษี 15,000 บาท: มาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ปี 2567 ที่สนับสนุนให้ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยว จังหวัดเมืองรอง (55 จังหวัดที่กำหนด) ในช่วงโลว์ซีซัน กำหนดสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาทจากค่าแพ็กเกจทัวร์หรือค่าที่พักในโรงแรม/รีสอร์ท/โฮมสเตย์ที่จังหวัดรอง ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 พฤศจิกายน 2567 โดยต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีและใบเสร็จแบบ e-Tax Invoice & e-Receipt เท่านั้น จึงจะใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้

จากมาตรการทั้งหมดข้างต้นจะเห็นได้ว่า ทิศทางนโยบายภาษีของรัฐมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการที่ใช้ e-Tax อย่างชัดเจน โรงแรมที่เข้าร่วมระบบ e-Tax ไม่เพียงแต่จะได้รับความสะดวกในการบริหารจัดการภาษีของตนเอง แต่ยังกลายเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบที่รัฐสนับสนุน สามารถใช้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ได้ครบถ้วน ในขณะที่ธุรกิจที่ไม่ใช้ e-Tax จะเสียโอกาสเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย