ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่ทุกคนจะต้องเคยได้ยินมาบ้าง แต่หลายคนก็อาจจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
ใครต้องเป็นคนจ่าย หักเงินยังไง เมื่อไหร่ เราจะมาแนะนำให้เรารู้จักกับ ภาษี หัก ณ ที่จ่าย พร้อมระบุประเภทและอัตราการหักภาษีแบบที่เข้าใจง่าย
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายคืออะไร?
ภาษี หัก ณ ที่ จ่าย คือ เงินภาษีที่ผู้จ่ายเงินจะหักออกจากเงินที่จะจ่ายให้กับผู้รับ โดยผู้จ่ายเงินมีหน้าที่นำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายนำส่งให้กับสรรพากร ส่วนผู้รับเงินก็จะได้รับหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย จากผู้จ่าย เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นแบบภาษีกับสรรพากรว่าได้ชำระภาษี ในรูปแบบของภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ถ้ากิจการไม่หักไว้ จะถือว่าเป็นความผิดของกิจการ หรือบางครั้งเจอคู่ค้าที่ไม่ยอมให้หักภาษี ณ ที่จ่าย แนะนำว่าควรเปลี่ยนเจ้า เพราะตามหลักการจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมาย
ใครเป็นผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายบ้าง?
- ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.3 หมายถึง ผู้จ่ายเงินได้ให้แก่ผู้รับซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.53 หมายถึง ผู้จ่ายเงินได้ให้แก่ผู้รับซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ต้องปฏิบัติอย่างไร?
- มีและใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
- หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่จ่ายเงินได้ ซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้หักภาษี ณ ที่จ่าย
- ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้แก่ผู้ถูกหักภาษี
- นำส่งภาษีที่ได้หักไว้ภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่ที่ผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายมีสำนักงานตั้งอยู่
- จัดทำบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีโดยบัญชีพิเศษ อย่างน้อยจะต้องมีข้อความตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องหักเมื่อไร?
- เมื่อจ่ายเงินที่เกิน 1,000 บาทในคราวเดียว หรือหลายคราวรวมกันก็แล้วแต่
- ภาษีหัก ณ ที่จ่ายระหว่างดำเนินกิจการ
แต่ละประเภทค่าใช้จ่ายนั้นจะถูกหัก ณ ที่จ่าย
ในเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
หัก 1% สำหรับค่าขนส่ง
ทุกๆ ครั้งที่มีการขายของและขนส่ง โดยที่บริษัทหรือนิติบุคคลที่ให้บริการจะต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการขนส่ง เช่น บริการขนส่งสินค้าจากบริษัท โลจิสติกส์ เป็นต้น จะต้อง หัก ณ ที่จ่าย 1% แต่ถ้าคุณยัง
ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคลก็ยังไม่ต้องหัก
หัก 2% สำหรับค่าโฆษณา
ก็คือการจ้างให้บริษัท หรือเอเจนซี่โฆษณา มาโฆษณาให้เราผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งภาษีกลุ่มนี้จะหักแค่ 2% เท่านั้น
หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram ที่ไม่ใช่บริการด้านการตลาด ทำหัก ณ ที่ จ่าย
หัก 5% สำหรับค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
ถ้าเราเช่าออฟฟิศ หรือสถานที่ที่เรามีสิทธิในการถือกุญแจ ก็จะนับเป็นอัตราภาษี 5% เพราะถ้าเป็นแค่สถานที่ที่
เราไม่มีสิทธิในการถือกุญแจ เช่นการเช่าสถานที่เพื่อจัดงานสัมมนา หรือจัดอีเวนต์ กฎหมายจะถือว่ามันอยู่ในหมวดจ้างบริการ ซึ่งจะหัก 3% แทนแต่ถ้าเราถือกุญแจจะถือเป็นค่าเช่าสถานที่ต้องหัก ณ ที่จ่ายจากเจ้าของที่ดิน 5%

e-Witholding Tax หรือ ระบบหักภาษี ณ ที่จ่ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้ว่าจ้างสามารถ “หัก-ส่ง-ออกใบรับรอง” ได้ครบจบในระบบเดียว ง่าย สะดวก ลดเอกสาร ลดความผิดพลาด และเป็นหลักฐานดิจิทัลที่ตรวจสอบได้
การใช้ระบบ e-withholding tax
- ผู้จ่ายเงินและผู้รับเงินต้องสมัครสมาชิก และลงทะเบียนใช้ระบบ e-withholding tax ของกรมสรรพากร
- ผู้จ่ายเงินแจ้งข้อมูลการหักภาษีผ่าน ระบบ e-withholding tax
- ผู้รับเงินสามารถตรวจสอบข้อมูลการหักภาษีผ่าน ระบบ e-withholding tax
- ผู้รับเงินใช้ข้อมูลการหักภาษี เพื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา