แก้ไขใบกำกับภาษี ต้องเปลี่ยนเลขที่เอกสารหรือใช้เลขเดิม?
การแก้ไขใบกำกับภาษีเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในธุรกิจ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าควรเปลี่ยนเลขที่เอกสารใหม่หรือใช้เลขเดิม บทความนี้จะอธิบายถึงข้อแตกต่างระหว่างสองวิธีนี้ และช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสม
ตามหลักการแล้ว ไม่ควรแก้ไขเลขที่เอกสาร บนใบกำกับภาษีที่ออกไปแล้ว
กรณีที่สามารถแก้ไขใบกำกับภาษีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเลขที่เอกสาร
- แก้ไขรายละเอียดปลีกย่อย:
- แก้ไขชื่อ-นามสกุลของผู้ซื้อ/ผู้ขาย
- แก้ไขที่อยู่ของผู้ซื้อ/ผู้ขาย
- แก้ไขรายการสินค้า/บริการ
- แก้ไขจำนวนหน่วยสินค้า/บริการ
- แก้ไขราคาต่อหน่วยสินค้า/บริการ
- แก้ไขส่วนลด/ชาร์จเพิ่ม
- แก้ไขภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ยกเลิกใบกำกับภาษี:
- กรณีที่ออกใบกำกับภาษีผิดพลาด
- กรณีลูกค้าต้องการเปลี่ยนแปลงรายการสินค้า/บริการ
- กรณีลูกค้าต้องการยกเลิกการสั่งซื้อ
วิธีการแก้ไขใบกำกับภาษี
- พิมพ์ใบกำกับภาษีฉบับใหม่:
- ระบุเลขที่เอกสารเดิม
- ระบุ “แก้ไข” ไว้หน้ารายการสินค้า/บริการที่แก้ไข
- ลงวันที่แก้ไข
- ประทับตราลงชื่อผู้แก้ไข
- ทำบันทึกการแก้ไข:
- ระบุเลขที่เอกสาร
- ระบุรายละเอียดที่แก้ไข
- ลงวันที่แก้ไข
- เก็บสำเนาใบกำกับภาษีฉบับแก้ไข และ บันทึกการแก้ไขไว้เป็นหลักฐาน
กรณีที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลขที่เอกสาร
- แก้ไขสาระสำคัญ:
- แก้ไขวันที่
- แก้ไขชื่อหรือที่อยู่ของผู้ออกใบกำกับภาษี
- แก้ไขประเภทของสินค้า/บริการ
- แก้ไขจำนวนเงินรวม
- แก้ไขภาษีมูลค่าเพิ่มรวม
วิธีการแก้ไขใบกำกับภาษีโดยเปลี่ยนเลขที่เอกสาร
- พิมพ์ใบกำกับภาษีฉบับใหม่:
- ใช้เลขที่เอกสารใหม่
- ระบุ “แทนฉบับเดิมเลขที่ [เลขที่เอกสารเดิม]”
- ลงวันที่แก้ไข
- ประทับตราลงชื่อผู้แก้ไข
- ทำบันทึกการแก้ไข:
- ระบุเลขที่เอกสารเดิม
- ระบุเลขที่เอกสารใหม่
- ระบุรายละเอียดที่แก้ไข
- ลงวันที่แก้ไข
- เก็บสำเนาใบกำกับภาษีฉบับแก้ไข และ บันทึกการแก้ไขไว้เป็นหลักฐาน
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรขีดฆ่าบนใบกำกับภาษี
- ควรเก็บสำเนาใบกำกับภาษีฉบับแก้ไข ไว้เป็นหลักฐาน
- กรณีมีข้อสงสัย ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร